ไขข้อสงสัย MBTI อันไหนคือชนิดที่สามารถพบเจอได้บ่อยที่สุดในสังคมทั่วๆไปของเรา

ก่อนอื่น ต้องขอย้ำก่อนว่า หัวข้อของเรื่องนี้คือ “MBTI ไทป์ไหนที่เราสามารถพบเจอได้บ่อยที่สุดในสังคมทั่วๆไปของเรา” ไม่ใช่ “MBTI ไทป์ไหนที่มีเยอะที่สุดในสังคมไทย” เพราะอันหลังนี้เราไม่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียดในทุกๆคน ทำได้แค่สุ่มเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเท่านั้น อีกทั้งในประเทศไทยเองก็ยังไม่มีองค์กรหรือสถาบันไหนที่ออกมาเก็บข้อมูลและเผยแพร่สถิติของข้อมูลด้านประชากรที่เกี่ยวข้องกับ MBTI ของคนไทยอย่างเป็นทางการเลย เราจึงต้องนำข้อมูลอ้างอิงด้านสถิติประชากรจากต่างประเทศมานำเสนอเท่านั้น ซึ่งข้อมูลที่สามารถค้นหาได้ ก็มีหลายหลายอ้างอิงเหลือเกิน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นในคนละประเทศกัน ย่อมส่งผลให้ข้อมูลสถิติแตกต่างกันออกไปมากเป็นธรรมดา บ้างก็ยกให้ ISTJ เป็นไทป์ที่มีเยอะมากที่สุด บ้างก็ยกให้ ISFJ เป็นไทป์ที่มีเยอะที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลอันที่ทางเรานำมาใช้อ้างอิงนั้น เป็น ISFJ ที่เป็น MBTI ไทป์ที่มีเยอะที่สุดในด้านสถิติประชากร อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หน้านี้

อย่างไรก็ตาม ไทป์ที่มีเยอะที่สุดอย่าง ISFJ ไม่ได้หมายความว่าทั้งชีวิตนี้ของคุณจะมีโอกาสได้พบเจอกับคนประเภท ISFJ ในสังคมทั่วๆไปซะส่วนใหญ่ วันนี้เราจึงมาเสนอบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ MBTI ไทป์ไหนที่เราน่าจะมีโอกาสได้เจอบ่อยมากที่สุดในสังคมของเรา (สังคมโดยรวม ไม่ใช่กลุ่มเพื่อน/เพื่อนร่วมงาน หรืออะไรทำนองนี้ที่แคบเฉพาะกลุ่มนะครับ) เริ่มจากการวิเคราะห์โดยใช้ตัวอักษรทั้ง 4 ตัวของ MBTI เป็นตัวตั้งเลยดีกว่า

ตัวอักษรตัวแรก E (Extraversion) – ชอบเข้าสังคม และ ตัว I (Introversion) – ชอบเก็บตัว

จากการเฝ้าสังเกตอย่างละเอียดแล้วพบว่าคนประเภท Extraversion จะเป็นคนที่สามารถพบเจอได้บ่อยกว่าคนประเภท Introversion ในสังคมเรา เรื่องนี้มีเหตุผลประกอบง่ายๆก็คือ เพราะความที่เป็นคนชอบเข้าสังคมนั่นแหละ เลยทำให้คนประเภท Extraversion สามารถพบเจอได้บ่อยกว่า ถ้าต้องการเหตุผลที่อธิบายละเอียดลึกไปอีกล่ะก็ ในปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งช่วยทำลายข้อจำกัดหลายๆอย่างในอดีต ทำให้ผู้คนติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น จึงทำให้คนเรามีแนวโน้มจะชอบการติดต่อสื่อสารและเข้าหาคนอื่นมากขึ้น การทำความรู้จักกับผู้คนรอบๆตัวในสังคมเราและขอเป็นเพื่อน เป็นอะไรที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดาและควรจะทำในปัจจุบันซะด้วยซ้ำ เพราะสมัยนี้มี Social Network แล้ว แค่กดส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนไปเท่านี้ทุกอย่างก็ราบลื่น ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงมีแนวโน้มที่จะชอบการเข้าสังคมมากขึ้น อาจจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากกว่าชอบเข้าสังคมซะเลยทีเดียว แต่มันก็ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจที่จะเข้าหาคนอื่นมากขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ เราจึงมีโอกาสที่จะพบเจอคนแบบ Extraversion มากกว่าเพราะการที่เขาเปิดโลกส่วนหนึ่งไว้ให้กับการหันเข้าหาคนอื่นๆ ทำให้ง่ายต่อการเข้าหา คนประเภท Extraversion ยังชอบทำกิจกรรมทางสังคมด้วย จึงไม่แปลกเลยที่จะพบเจอคนประเภท Extraversion ได้ในทุกๆที่ของสังคม มากกว่าคนประเภท Introversion อย่างฟังธงได้เลย

ตัวอักษรที่สอง S (Sensing) – ใช้ประสาทสัมผัส และตัว N (Intuition) – ใช้สัญชาตญาณ

ในตัวอักษรที่สองนี้ คนประเภท Sensing สามารถพบเจอได้บ่อยกว่าคนประเภท Intuition อย่างแน่นอน เพราะคนประเภท Sensing นั้นมีเยอะกว่า Intuition มากพอสมควร ใน 4 คนจะมีคนประเภท Intuition เพียง 1 คนเท่านั้น นอกจากเรื่องนี้แล้ว คนประเภท Sensing จะมีลักษณะคือเป็นคนที่ติดดิน อยู่กับปัจจุบัน ไม่ชอบคิดเพ้อฝัน เป็นนักปฏิบัติ แตกต่างกับคนประเภท Intuition ซึ่งจะเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ, จินตนาการ และไอเดียสูง จึงมักจะมีความชอบหรือมีอะไรดลใจซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างเฉพาะทางซะหน่อย หมายถึงคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจกัน จึงทำให้คนประเภท Intuitive จะอยู่ในโลกส่วนตัว จดจ่ออยู่กับจิตนาการและไอเดียต่างๆของตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะไม่ค่อยได้อยู่ในสถานการณ์ทางสังคมทั่วๆไปเท่าไหร่นัก เราจึงมีโอกาสพบเจอคนประเภท Intuition ได้น้อยกว่า Sensing แม้ว่าจะไม่มองเรื่องจำนวนคนประเภท Sensing ที่มีมากกว่าเยอะก็ตาม

ตัวอักษรที่สาม T (Thinking) – ใช้ความคิด และตัว F (Feeling) – ใช้ความรู้สึก

ในตัวอักษรที่สามนี้ เราจะมีโอกาสพบเจอคนประเภท Feeling ได้มากกว่า เพราะคนประเภท Feeling ที่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ จะมุ่งเน้นไปยังผู้คนรอบๆตัว คือเป็นคนที่สนใจและเอาใส่ใจผู้คนรอบข้าง มีความเป็นมิตรสูง ต่างกับคนประเภท Thinking คือจะออกแนวสุขุมสักหน่อย ยกความคิดกับเหตุผลอยู่เหนือความรู้สึกและสิ่งอื่นใด ในสถานการณ์สังคมทั่วๆไป เราจึงมีโอกาสพบเจอคนประเภท Feeling ได้มากกว่า เพราะคนประเภท Feeling จะให้ความสำคัญให้กับความสัมพันธ์ของผู้คนรอบตัว ทำอะไรก็ต้องนึกถึงผู้อื่นเป็นหลัก พูดง่ายๆก็คือการที่เป็นคนแคร์และมุ่งเข้าหาคนรอบข้างคือปัจจัยที่ช่วยให้เรามีโอกาสพบเจอคนประเภท Feeling ได้มากกว่า นอกจากนี้ เรายังค้นพบข้อมูลบางส่วนที่สามารถสรุปอย่างไม่เป็นทางการได้ว่า ในปัจจุบัน คนประเภท Feeling เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆจนมากกว่าคนประเภท Thinking ไปแล้ว เพราะผู้คนเริ่มพัฒนาการเอาใจใส่เรื่องหลักจริยธรรมกันมากขึ้น นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเล็กๆ ที่ทำให้เราสรุปว่าเราจะมีโอกาสเจอคนประเภท Feeling ได้มากกว่าในสังคมเรา

ตัวอักษรที่สี่ J (Judging) – มีระเบียบแบบแผน และตัว P (Perceiving) – ใช้ชีวิตอย่างยืดหยุ่น

ในตัวอักษรที่สี่นี้ เราจะมีโอกาสพบเจอคนประเภท Judging ได้มากกว่า เพราะคนเรามักถูกสอนและอบรมหรือปลูกฝังกันมามากในเรื่องเกี่ยวกับความรับผิดชอบ การมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย การกำหนดเป้าหมายในชีวิต เป็นต้น อีกทั้งในชีวิตนี้ การที่เราจะประสบความสำเร็จและได้สิ่งที่เราต้องการให้ได้นั้น ก็จะต้องฟันฝ่าอุปสรรค์มากมาย ไหนจะการเรียน การทำงาน มันจึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนและกำหนดเป้าหมายหลายๆอย่าง พูดง่ายๆก็คือ เรากำลังอาศัยอยู่ในโลกที่การเป็นคนแบบ Judging จะดูมีความเหมาะสมและเป็นธรรมชาติมากกว่า เราถูกโลกแห่งความจริงนี้บีบบังคับทางอ้อมว่าจะต้องแสดงออกในทางที่คนแบบ Judging ทำ เราจึงมีโอกาสพบเจอคนประเภท Judging ได้บ่อยกว่า Perceiving ซึ่งจริงๆแล้วคนแบบ Perceiving เองก็ไม่ได้น้อยนะ เพียงแต่ว่าการอาศัยอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีความสุขและไร้กังวลนั้น เป็นคนแบบ Judging คงน่าจะดีและสบายกว่า หลายๆคนก็คงคิดแบบนี้เช่นเดียวกัน จึงสรุปได้ว่าเราจะมีโอกาสพบเจอคนประเภท Judging ได้มากกว่า

สรุป

เมื่อนำทั้ง 4 ตัวอักษรที่ได้วิเคราะห์กันไปแล้วมารวมกัน ในสถานการณ์ทางสังคมทั่วๆไป เราจะมีโอกาสพบเจอคนประเภท ESFJ ได้บ่อยกว่าคนที่มี MBTI ไทป์อื่นๆนะคร้าบบบ

หมายเหตุ: อันนี้เป็นการมองในแบบภาพรวมและยังไม่ได้นำปัจจัยต่างๆที่อาจส่งผลให้ผู้คนแตกต่างกัน เช่น วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมในสังคมไทย มาคิดคำนวณ

แสดงความคิดเห็นผ่าน Facebook