ISTJ – การพัฒนาทางด้านบุคลิกภาพ

ในส่วนนี้จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับการพัฒนาและเจริญเติบโตทางด้านบุคลิกภาพของ ISTJ โดยใช้พื้นฐานของ 8 การทำหน้าที่ทางด้านจิตใจหรือ 8 สมรรถนะของการรู้คิด (8 Cognitive Functions)

ลำดับของการทำหน้าที่การทำหน้าที่ของ ISTJช่วงอายุที่เริ่มพัฒนา
Dominant Function
การทำหน้าที่อันหลัก
Introverted Sensing13 ปี - วัยหนุ่มสาว
Auxiliary Function
การทำหน้าที่อันเสริม
Extraverted Thinkingวัยหนุ่มสาว - 30 ปี
Tertiary Function
การทำหน้าที่ลำดับ 3
Introverted Feeling30 ปี - วัยกลางคน
Inferior Function
การทำหน้าที่ลำดับ 4
Extraverted Intuitionวัยกลางคนขึ้นไป

ช่วงวัยเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาว : การพัฒนาของ Introverted Sensing

ในตอนเป็นเด็กๆ ISTJ จะเริ่มพัฒนาการทำหน้าที่อันหลัก (Dominant Function) แบบ Introverted Sensing

พวกเขาจะเริ่มแสดงออกถึงความชอบทำกิจกรรมหรือเล่นเกมมากกว่าที่จะสนใจฟังเรื่องราว, นิทาน, เรื่องที่แต่งขึ้น หรือเรื่องอะไรก็ตามที่มีความน่าตื่นเต้น

ISTJ จะสนใจโลกแห่งความจริง ชอบการได้เห็นและได้สัมผัสด้วยตัวเองมากกว่าที่จะอ่านในหนังสือหรือได้ยินเรื่องราว ชอบทำอะไรก็ตามที่อาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ช่วย

ISTJ ตอนเด็กๆโดยส่วนมากยังเป็นคนที่ให้ความสนใจและรับรู้กับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัวของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียนหรือในบ้าน มีการตอบสนองต่อรายละเอียดในสีสัน, รูปร่าง และขนาด สิ่งนี้หมายความว่าพวกเขาเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด นอกจากนี้ยังแสดงความตื่นตัวในตอนที่กำลังมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย

ถ้าในตอนเด็กๆพวกเขาไม่ได้พัฒนาการทำหน้าที่อันนี้อย่างถูกต้อง พวกเขาอาจจะทำการตัดสินหรือลงมือทำอะไรเร็วเกินไปโดยที่ไม่ได้คิดคำนึงถึงความจริงซะก่อน เพราะไม่สามารถรับรู้ข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้

ช่วงวัยหนุ่มสาวจนถึงอายุ 30 ปี : การพัฒนาของ Extraverted Thinking

ในช่วงวัยหนุ่มสาว ISTJ จะเริ่มพัฒนาการทำหน้าที่อันเสริม (Auxiliary Function) แบบ Extraverted Thinking

พวกเขาจะเริ่มมีความสามารถในการทำการตัดสินใจหรือพิจารณาอะไรโดยใช้สิ่งต่างๆรอบตัวและเกณฑ์ที่เป็นข้อเท็จจริงมาเกี่ยวข้อง

ISTJ จะเริ่มกลายเป็นคนตรงๆ, เปิดเผย และทำอะไรตามข้อเท็จจริงเท่านั้น โดยที่ไม่สนในความเป็นที่นิยมของตัวเองหรือความกดดันจากกลุ่มเพื่อน  ด้วยเหตุนี้ ISTJ จึงอาจจะเริ่มสนใจในอารมณ์หรือความรู้สึกของผู้อื่นน้อยลง เนื่องจากพวกเขาเปิดช่องว่างให้กับการพิจารณาโดยใช้ข้อเท็จจริงมาเกี่ยวข้องมากขึ้น

พวกเขายังอาจเริ่มจะมีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่ต้องใช้เชาว์ปัญญาและต้องการเอาชนะหลายๆสิ่ง เพื่อที่จะได้เข้าใจความเป็นมาของสิ่งต่างๆ

ถ้า ISTJ คนใดที่ไม่ได้พัฒนาการทำหน้าที่อันนี้อย่างถูกต้อง มันจะทำให้พวกเขาไม่รู้วิธีการในการนำเอาประสบการณ์ที่ได้พบเจอและข้อมูลต่างๆที่เก็บไว้อยู่ในหัวผ่านทางประสาทสัมผัส นำเอามาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ ISTJ ควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น

ถ้าสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเป็นธรรมชาติและไม่มีตัวขัดขวางการเจริญเติบโตทางบุคลิกภาพให้ดำเนินไปอย่างผิดปกติ เหล่า ISTJ ส่วนใหญ่น่าจะได้พัฒนาทั้ง Introverted Sensing และ Extraverted Thinking ตั้งแต่ในช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป ในฐานะของการทำหน้าที่อันหลักและอันเสริมซึ่งจะอธิบายบุคลิกภาพของ ISTJ ไปแล้วกว่า 90%

นี่คือตัวอย่างขอบเขตสำหรับ ISTJ ที่ควรจะพัฒนาหรือฝึกใช้ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการทำหน้าที่อันที่ที่ยังไม่ถูกพัฒนา ซึ่งนั่นก็คือ การทำหน้าที่ลำดับ 3 (Tertiary Function) และการทำหน้าที่ลำดับ 4 (Inferior Function) การทำหน้าที่ลำดับที่ 3 และ 4 ของ ISTJ ก็คือ Introverted Feeling และ Extraverted Intuition ตามลำดับ

  • รู้จักเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกของผู้อื่นซะบ้าง อย่าสนใจแต่ข้อเท็จจริงหรือใช้แต่เหตุผลอย่างเดียว
  • แบ่งปันเรื่องราวต่างๆของคุณให้ผู้อื่นฟังเป็นครั้งคราว
  • รู้จักทำตัวให้สบายๆในเวลาที่ต้องอยู่กับความไม่แน่นอน ทำตัวให้เป็นคนที่ยืดหยุ่นได้บ้าง
  • รู้จักเข้าสังคม, ติดต่อ และพูดคุยกับคนรู้จักและคนรอบข้างให้มากขึ้น
  • รู้จักอดทนและเห็นประโยชน์ของการทำอะไรโดยไม่มีการเตรียมการมาก่อน (เช่น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า)
  • คำนึงถึงผลลัพธ์ของการตัดสินใจที่ใช้เวลาสั้นๆในระยะยาว
  • หาเวลาว่างทำอะไรก็ได้ที่เป็นเรื่องสนุกๆเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อน อย่าทำแต่งานมากเกินไป
  • ลองมองหาความเป็นไปได้ในวิธีการของการทำสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะกับเรื่องการแก้ปัญหา
  • ลองมองอะไรในภาพรวมก่อนบ้าง แล้วค่อยมุ่งความสนใจไปยังรายละเอียด
  • เปิดรับไอเดียใหม่ๆให้มากขึ้น โดยเฉพาะที่คุณพิจารณาว่ามันดูไม่เข้าทีเข้าท่า

ช่วงอายุ 30 ปีถึงวัยกลางคน : การพัฒนาของ Introverted Feeling

ISTJ จะเริ่มรู้สึกถึงความกังวลหรือความเครียดและจะนำพาไปสู่การพัฒนาการทำหน้าที่ลำดับ 3 (Tertiary Function) แบบ Introverted Feeling ในช่วงหลังจากอายุ 30 ปี

ISTJ จะเริ่มแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจและความไวต่อความรู้สึกให้กับผู้คนรอบๆตัว อาจจะมีบางครั้งที่ ISTJ จะเซอร์ไพรส์คนรักของพวกเขาโดยการแสดงออกถึงอารมณ์และความรักในวิธีการใหม่ๆที่ค้นพบ ซึ่งอาจจะไม่เคยทำมาก่อนจนกว่าการทำหน้าที่แบบ Introverted Feeling จะพัฒนา นอกจากนี้ยังเริ่มที่จะเปิดเผยความรู้สึกและอารมณ์ออกไปให้ผู้อื่นเห็นได้มากขึ้น มีการใช้คำพูดที่คิดอย่างรอบคอบว่ามันจะมีผลกระทบทางลบต่อผู้อื่นหรือไม่ ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่นมากขึ้น

ISTJ สามารถพัฒนาการทำหน้าที่แบบ Introverted Feeling เพิ่มเติมด้วยตัวเองโดยการฝึกการกระทำต่อไปนี้

  • คิดเกี่ยวกับสิ่งดีๆที่คนๆนั้นมี จากนั้นก็หาเวลาที่เหมาะสมในการยกย่องและชื่นชมเขา
  • ถ้าคุณมีความขัดแย้งกับใคร ให้คุณลองคิดว่าอะไรที่สำคัญสำหรับคนๆนั้นในสถานการณ์นั้นๆ แล้วก็ถามตัวเองซะว่าคุณสามารถเอาชนะความต้องการเป็นฝ่ายถูกและมอบอะไรดีๆให้แก่เขาได้ไหม เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ดีต่อไป
  • ในการประชุมกลุ่มหรืออยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ให้คุณลองสังเกตคำใบ้จากคำพูดและสิ่งที่ไม่ใช่คำพูดของคนอื่นๆ เพื่อที่จะนำมาลองคิดประเมินถึงความคิดและความรู้สึกของผู้คนโดยใช้การสังเกตจากภาษากายของคนอื่นๆ

ช่วงวัยกลางคนขึ้นไป : การพัฒนาของ Extraverted Intuition

ช่วงตั้งแต่วัยกลางคน ISTJ จะเริ่มการพัฒนาของการทำหน้าที่ลำดับ 4 (Inferior Function) แบบ Extraverted Intuition

การทำหน้าที่แบบ Extraverted Intuition นี้เคยถูกปรากฎมาแล้วก่อนที่ ISTJ จะเริ่มพัฒนามันจริงๆจังๆ แต่มันมาในช่วงวัยเด็กและมาในฐานะของการทำหน้าที่ที่ยังไม่ถูกพัฒนา เพราะฉะนั้นแล้วมันจึงส่งผลลัพธ์ในทางที่ผิดๆ เมื่ออยู่ในภาวะที่เครียด การทำหน้าที่อันนี้จะทำให้ ISTJ มีความกังวลมากเกินไปและมองเห็นหรือพูดอะไรที่มันแย่กว่าความเป็นจริง

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงช่วงวัยกลางคน พวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงและความต้องการในการเริ่มพัฒนาการทำหน้าที่ลำดับ 4 ของตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเติมเต็มความเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอึดอัดแต่ก็จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

นี่คือตัวอย่างการกระทำที่จะช่วยพัฒนาการทำหน้าที่แบบ Extraverted Intuition ขึ้นไปอีก

  • ทำการระดมสมองเกี่ยวกับกิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ในช่วงวันหยุด ทำรายการของสิ่งที่คุณยังไม่เคยทำมาก่อน กับใครก็ได้ที่คุณไม่ค่อยจะได้พบเจอ
  • หาหนังสือนิตยสารหรืออ่านข่าวที่เกี่ยวกับรอบโลกมาอ่าน จากนั้นดูกระแสนิยมของประเทศต่างๆ แล้วก็นำมันมาเปรียบเทียบกันดูว่ามีอันไหนที่สามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้มั้ย
  • เขียนบทกวีเกี่ยวกับบางสิ่งที่มาจากธรรมชาติ พยายามอย่าเขียนโดยใช้ลักษณะทางกายภาพเป็นคำอธิบาย (เช่น สี, รูปร่าง, ขนาด) นี่ก็เพราะเรากำลังฝึกไม่ใช้ประสาทสัมผัสอยู่ แต่พึ่งสัญชาตญาณแทน
แสดงความคิดเห็นผ่าน Facebook