เกี่ยวกับ MBTI

MBTI (หรือชื่อเต็ม Myers-Briggs Type Indicator : ตัวบ่งชี้ของคุณ Myers และ Briggs) คือ แบบทดสอบทางจิตวิทยาชนิดหนึ่ง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและถูกใช้งานกันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ถ้าคุณยังไม่รู้จัก MBTI ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่นักในประเทศไทย มันเอาไว้ใช้วัดว่าบุคลิกภาพของเราคือแบบไหนและเป็นอย่างไร แน่นอนว่าถ้าเรารู้บุคลิกภาพของตัวเองแล้ว ก็จะมีผลประโยชน์มากมายตามมา รวมถึงยังสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ดีถ้าได้รู้ลักษณะทางบุคลิกภาพของเขาอีกด้วย ดังนั้น MBTI ในภาพรวมก็เปรียบเสมือนแบบทดสอบทางบุคลิกภาพนั่นเอง

ทำไม MBTI ถึงเป็นที่นิยม?

ในปัจจุบัน MBTI ได้กลายเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดไปแล้ว ทุกๆปีจะมีคนวัยผู้ใหญ่จาก U.S. ทำแบบทดสอบประมาณ 2 ล้านคน เรามาดูกันดีกว่าว่าทำไม MBTI ถึงเป็นที่นิยมขนาดนี้

  • ง่ายที่จะทำแบบทดสอบ หรือในกรณีที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับ MBTI ต่อไป
  • มีการแบ่งลักษณะทางบุคลิกภาพถึง 16 แบบ เรียกได้ว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้
  • เชื่อถือได้ มีความถูกต้องและแม่นยำ เนื่องจากมันถูกพัฒนามาอย่างยาวนานท่ามกลางยุคสมัยที่เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
  • ในปัจจุบัน MBTI มีการแปลเป็นภาษาต่างๆมากถึง 20 กว่าภาษา จึงเข้าถึงผู้คนส่วนมากของโลก
  • ใช้ในแบบฟอร์มการสมัครงาน เพื่อดูความเหมาะสมในการรับเลือกเข้าทำงาน
  • มีความละเอียดสูง เนื่องจากมันใช้ความแตกต่าง 2 แบบของแต่ละด้านถึง 4 ด้านมารวมกันเป็น 4 ตัวอักษรในทั้งหมด 16 แบบ (2x2x2x2 = 16)
  • ถึงแม้ว่า MBTI จะมีตั้ง 16 แบบ แต่ว่า MBTI นั้นแบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆของความแตกต่างที่ชัดเจน ทำให้เราสามารถคาดเดาบุคลิกภาพแบบ MBTI ของใครก็ตามได้ โดยเฉพาะกับ คนในครอบครัว, เพื่อนสนิท หรือใครก็ตามที่อยู่ใกล้ตัวเราบ่อยๆ เช่น เพื่อนสนิทของเราเป็นคนชอบอยู่คนเดียว ไม่ค่อยออกไปไหนเท่าไหร่ และเป็นคนที่ชอบทำการบ้านหรืองานส่งเป็นคนแรกๆประจำ แบบนี้จึงเดาได้เลยว่าตัวอักษรแรกของเพื่อนคือตัว I (ชอบเก็บตัว) และตัวอักษรที่ 4 ของเพื่อนคือตัว J (มีระเบียบและแผนการในชีวิต) เป็นต้น
  • ค่อนข้างมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีความเกี่ยวข้องกับหลายๆสิ่งรอบตัวเรา โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์ของคนหรือบางอาชีพ เช่น งานจำพวก Human Resource
  • สามารถใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ ไม่เพียงเฉพาะเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง แต่ยังสามารถเรียนรู้ผู้อื่นได้อีกด้วย
  • เนื่องจากมันได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ แน่นอนว่าก็ต้องมีการสนับสนุนและส่งเสริมกันอย่างแพร่หลาย

MBTI จะช่วยอะไรเราได้บ้าง?

เราได้พูดถึงเรื่องทำไม MBTI ถึงได้เป็นที่นิยมมากไปแล้ว คราวนี้มาดูประโยชน์ที่น่าจะได้รับจากการทำแบบทดสอบ MBTI หรือการที่เรารู้ MBTI ของคนอื่นกันดีกว่า

  • ช่วยให้เราเข้าใจตัวเอง เข้าใจถึงการกระทำต่างๆของเราเอง จนอาจหาเหตุผลมาอธิบายการกระทำต่างๆเหล่านั้นได้
  • ช่วยให้เราเข้าใจผู้อื่น เข้าใจสิ่งที่คนอื่นเป็น เข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล จนอาจแก้ปัญหาบางอย่างได้ เช่น ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน
  • สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการศึกษา ช่วยให้เราเข้าใจถึงลักษณะ/รูปแบบของการสอนและการเรียนรู้
  • ช่วยให้เราเลือกสายงานหรือสาขาวิชาที่จะศึกษาต่อให้เหมาะสมและตรงกับความสามารถของเราให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะดึงศักยภาพที่เรามีออกมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • ช่วยให้เรารู้ถึงข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ทำให้เราสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆในชีวิตได้ หรือแม้กระทั่งนำไปใช้เพื่อการพัฒนาตนเอง
  • บางทียังอาจใช้สำหรับการเลือกคู่ครองหรือความสัมพันธ์ในฐานะอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่สามารถเลือกให้เหมาะสมกับเราได้ MBTI ก็จะช่วยให้เข้าใจกัน จึงอาจช่วยลดปัญหาต่างๆได้ รวมถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอีกด้วย
  • ใช้ในการบริหารจัดการกับคนได้เป็นอย่างดี เช่น ระหว่างเจ้านายปฏิบัติต่อลูกน้อง การใช้งานคนให้เหมาะสมกับงานตามที่คนนั้นๆถนัด

จริงๆแล้ว MBTI ก็ไม่ใช่ “แบบทดสอบ” ซะทีเดียวนะ

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่า MBTI นั้นเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาชนิดหนึ่ง เพราะ MBTI นั้นสามารถให้อะไรกับเราได้มากกว่าที่จะเป็นแค่แบบทดสอบเท่านั้น

ในระหว่างการทำแบบทดสอบนั้น ไม่มีคำตอบข้อไหนถูกหรือผิด และไม่มีบุคลิกภาพอันไหนดีกว่าอันไหนในทั้งหมด 16 แบบ เป้าหมายที่แท้จริงของ MBTI นั้นคือการนำเสนอบุคลิกภาพของแต่ละคนให้เด่นชัด ตลอดจนนำผลลัพธ์ที่ได้ไปต่อยอดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้าง ไม่ใช่เพื่อประเมินสุขภาพทางจิตใจหรือเพื่อการวินิจฉัย อีกทั้งยังไม่เหมือนการทายนิสัยจากกรุ๊ปเลือดหรือวันเกิดซึ่งหาความเกี่ยวข้องกับเรื่องบุคลิกภาพไม่ได้เลย

คุณเชื่อหรือไม่ว่า MBTI นั้นไม่ใช่แค่ตอบคำถามในแบบทดสอบให้เสร็จๆไปจากนั้นก็อ่านผลลัพธ์บุคลิกภาพของเราเท่านั้น แต่ MBTI ยังมีการเปิดให้เข้าร่วมการฝึกอบรม เพื่อให้ได้รับรู้ถึงบุคลิกภาพของตนเองและของคนที่ร่วมเข้าฝึก(ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนอื่นๆตามโปรแกรมที่คุณเข้าร่วม) โดยเราจะต้องเรียนรู้และเข้าร่วมกิจกรรมตามที่เจ้าของคอร์สกำหนดไว้ เมื่อได้เข้าฝึกอบรมแล้ว เราจะได้ความเป็นทีมเวิร์ค ลดปัญหาความขัดแย้งกันในหมู่ทีม สร้างความเข้าใจกัน ช่วยให้ทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โปรแกรมการฝึกอบรมพวกนี้จึงเหมาะกับ คนที่ทำงานประเภท Human Resource พวกคนที่เป็นหัวหน้าหรืออยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ เช่น ผู้บริหารหรือหัวหน้างานระดับต้น (Line Manager) เป็นต้น