เกี่ยวกับเรา

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนตัว ก่อตั้งเพื่อตั้งใจที่จะให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับ Myers-Briggs Type Indicator หรือที่รู้จักกันดีในนามของ MBTI ซึ่งตัวผู้สร้างเว็บไซต์เองก็ทึ่งและเคารพในตัว MBTI เป็นอย่างมาก ในตอนแรกนั้นผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า MBTI จะให้อะไรเราได้มากถึงขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าแค่ตอบคำถามให้เสร็จแล้วอ่านผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้เราเข้าใจโลก เข้าใจจิตใจของเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้น แต่อะไรจะสำคัญไปกว่าการได้เข้าใจตัวเองล่ะ!

จุดเริ่มต้นมาจากการมีคนรู้จักส่งลิงค์แบบทดสอบ MBTI เป็นภาษาอังกฤษมาให้ผมลองทำครั้งแรกเมื่อสมัยผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรและใช้ทำอะไรได้ ผลลัพธ์ของ MBTI ที่ทำได้ครั้งแรกสุด(ตอน ม.4)คือ ISFJ ก็อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบุคลิกภาพของ ISFJ แล้วก็โอเค มีส่วนตรงกับสิ่งที่เราเป็นอยู่เยอะ จนกระทั่งบังเอิญได้ทำแบบทดสอบ MBTI อีกครั้งเมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คราวนี้เป็นแบบทดสอบภาษาไทย ช่วยให้ตอบคำถามได้ง่ายขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ใช่แบบเดิมอย่างที่เคยทำได้เมื่อตอนอยู่ ม.4 เปลี่ยนจาก ISFJ เป็น ISTJ แทน อย่างไรก็ตาม เมื่อลองอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบุคลิกภาพแบบ ISTJ ดูแล้ว ก็ถือว่ามีส่วนที่ตรงกับตัวเองพอสมควร อาจจะตรงมากกว่า ISFJ ด้วยซ้ำ ซึ่งตรงจุดๆนี้ อาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงเตรียมตัวแข่งขันเพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาก็เป็นได้ มันมีผลทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นคนกล้าตัดสินใจ กล้าคิดกล้าที่จะลอง ก็นะ ตอนขึ้น ม.4 เรายังรู้สึกสบายๆตัวอยู่เลยใช่มั้ยล่ะ ก็เพิ่งจะผ่านจุดสำคัญจากตอนเปลี่ยนจาก ม.ต้น ขึ้น ม.ปลาย มาเอง ทำให้เรียนแบบสบายๆและไม่ต้องคิดอะไรมากในช่วง ม.4 นอกจากนี้หลังจากกลายเป็นคนประเภท Thinking (T) แล้วผมยังชอบดูการแข่งขันฟุตบอลในทุกๆเกมของทีมโปรด ไม่ว่าจะเจอกับทีมเล็กหรือใหญ่ก็ดูหมด

ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสัย ก็เลยศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวอักษรที่ 3 ซึ่งนั่นก็คือตัว F หรือ T ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ทำไมในตลอดเวลา 1 ปีจาก ม.4 ขึ้น ม.5 ตัวอักษรนี้ถึงได้เปลี่ยนไป พอเริ่มศึกษาไปทีละนิดก็เริ่มเข้าใจถึงสาเหตุที่ตัวอักษรที่ 3 นั้นเปลี่ยนไป(ได้พูดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุไปแล้วในข้างต้น) นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าชอบและสนุกที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ MBTI จากนั้นก็ค่อยๆค้นหาข้อมูลและเรียนรู้สิ่งอื่นๆนอกจากตัวอักษรที่ 3 ไปเรื่อยๆ พอมารู้ตัวอีกทีก็มีข้อมูลเกี่ยวกับ MBTI เบื้องต้นอยู่ในหัวซะหมดแล้วและยังทะเยอทะยานที่จะเรียนรู้ต่อไป (เสียดายถ้าคนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสภาพจิตใจแบบหลายๆประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมคงจะเลือกที่จะเรียนต่อทางด้านจิตวิทยาไปแล้ว)

จน ณ ปัจจุบัน เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปสักช่วงหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกว่าเราทำอะไรแตกต่างไปจากเดิม พอเริ่มมีเวลาว่างส่วนตัวมาคิดย้อนทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆในชีวิต ก็เลยลองทำ MBTI อีกครั้งเป็นรอบที่ 3 ผลลัพธ์ที่ได้นั้นค่อนข้างน่าตกใจ แต่ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่นัก ตอนนี้ตัวผมกลายเป็น INTJ ไปซะแล้ว ที่บอกว่าไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเพราะว่าการที่ได้เคยศึกษาเกี่ยวกับ MBTI มาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้พอจะรู้ว่าการกระทำต่างๆของผมที่เปลี่ยนไปจากเดิม มันเริ่มเข้าสู่การเป็นคนมีตัวอักษรที่ 2 เป็นตัว N มากขึ้น การกระทำที่ว่า ดั่งเช่น ปกติเมื่อก่อนอยากใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องหรูหราอะไร ขอแค่ไม่ขาดแคลนหรือไร้ซึ่งความสุขเป็นพอ แต่ในปัจจุบันกลับเริ่มคิดที่จะอยากเป็นคนรวย เริ่มตั้งเป้าเงินเดือนทั้งๆที่ยังต้องเรียนอีกนานกว่าจะเรียนจบ เริ่มอยากมีรายได้ก้อนโตตั้งแต่ตอนยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งสิ่งที่ยกตัวอย่างนี้เป็นเรื่องเด่นชัดของความแตกต่างระหว่างตัว S กับ N คนที่ตัวอักษรที่ 2 เป็น S (Sensing) จะเป็นพวกติดดิน ชอบใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แตกต่างจากคนที่มีตัวอักษรที่ 2 เป็นตัว N (Intuition) จะเป็นพวกนักคิดเพ้อฝัน ชอบคิดถึงและสนใจอนาคตเป็นหลัก นอกจากนี้ผมยังเปลี่ยนจากการดูเกมฟุตบอลมาเป็นการดูการ์ตูนและอนิเมะญี่ปุ่นอีกด้วย การที่มีบุคลิกภาพแบบ Intuition แล้วจะชอบดูอนิเมะก็ไม่แปลก เพราะมันทำให้เราเข้าไปอยู่ในโลกของจินตนาการในอนิเมะเรื่องนั้นๆได้ เห็นมั้ยครับว่าการที่มีความรู้ด้าน MBTI มันช่วยตอบคำถามหลายๆอย่างเกี่ยวกับตัวเราและช่วยทำให้เราเรียนรู้ตัวเองได้ง่ายและดียิ่งขึ้น ด้วยความที่บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงกะทันหันถึง 2 ครั้ง ทำให้ตอนนี้ผมสามารถเข้าใจคนอื่นๆได้มากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าผมจะเป็น INTJ แต่ผมก็เคยเป็นตัวอักษร S กับ F มาก่อน นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้สามารถใช้ความสามารถของทั้ง 2 ด้านมาประกอบกัน ช่วยลดความด้อยหรือข้อเสียของด้านที่เรากำลังเป็น เช่น ตอนนี้เป็นตัว N แต่ก็อาจจะยังพอมีเหลือความสามารถที่คนเป็นตัว S ถนัดอยู่ก็เป็นได้ ช่วยลดสิ่งที่คนเป็น N ไม่ถนัดโดยใช้ความที่เคยเป็น S มาก่อนเข้ามาช่วย ส่วนเหตุผลที่ทำไมผมถึงเปลี่ยนจาก S เป็น N หลังจากจบ ม.6 ผมคิดว่าคงเป็นเพราะการศึกษาไทยค่อนข้างปลูกฝังอะไรที่ไม่จำเป็นในชีวิตจริงเท่าไหร่ เช่น เน้นให้เด็กเรียนเยอะๆเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงผมคิดว่าเด็กจะไม่ได้อะไรเลย เรียนๆไปแล้วก็ลืม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เด็กได้มีเวลานำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ตามในแบบฉบับของเด็กแต่ละคนมากกว่า ส่งผลให้เด็กไทยขาดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ต้องเรียนแต่อะไรๆที่หนังสือเขียนไว้ชัดเจน เรียนแล้วก็ไม่ได้อะไร ไม่มีมุมมองอะไรดีๆที่ช่วยให้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาได้ นอกจากนี้ผมอาจจะมีความเป็น Intuition และ Thinking อยู่ในตัวตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่มันยังไม่เด่นชัด พอเราเติบโตและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อายุมากขึ้นก็เจอเรื่องต่างๆในชีวิตมากขึ้น ได้มีโอกาสและตัดสินใจทำอะไรๆด้วยตัวเอง มันเลยอาจมีโอกาสให้บุคลิกภาพนั้นๆได้มีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นและแสดงความชัดเจนในที่สุด

หวังว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ที่สนใจใน MBTI หรือเกี่ยวกับแบบทดสอบหาบุคลิกภาพ ไม่ว่าจะเพื่อหาสาขา/คณะการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรือการค้นหาอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเรา ฯลฯ หากคุณพบปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลภายในเว็บไซต์แห่งนี้ ทางเราขออภัยเป็นอย่างยิ่ง โดยคุณสามารถแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องมาให้เราได้ที่หน้า ติดต่อเรา